‘la fleur d’edelweiss ลิลิธคารอน’ งานโอเมก้าเวิร์สล่าสุดจาก นอดอ.

บทสัมภาษณ์

บทสัมภาษณ์นักเขียน ‘นอดอ.’ กับผลงานนิยายเรื่อง ‘la fleur d’edelweiss ลิลิธคารอน’

 

 

ตั้งแต่ ‘la fleur de lys ไอริชคาร์เตอร์’, ‘la jacinthe ซินเธียคาริช’ จนมาถึง ‘la fleur d’edelweiss ลิลิธคารอน’ เดินทางมาถึงเล่มสุดท้ายของซีรีส์นี้แล้ว รู้สึกอย่างไร?
      เรารู้สึกว่านี่นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากๆ เราแทบจะใช้เวลาทั้งหมดของการเป็นนักเขียนไปกับนิยายทั้งสามเรื่องนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ และความภาคภูมิใจ เพราะนอกจากตัวละครที่เติบโตขึ้นเราเองก็เหมือนได้เติบโตขึ้นมาจากศูนย์มาพร้อมกับพวกเขาเช่นกัน ถ้าให้พูดจริงๆ ก็รู้สึกเคว้งๆ อยู่บ้างที่จะต้องพูดว่าเรามาถึงตอนจบแล้ว หลังจากนี้ก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาโลดแล่นอยู่ในโลกใบนั้นอย่างมีความสุขตลอดไปค่ะ

พระเอก-นายเอกของเรื่องนี้แตกต่างจากสองเล่มก่อนอย่างไร?
      ถ้าหากคนที่ได้อ่านสองเรื่องแรกมาก่อนที่จะมาอ่านเรื่องนี้ เราคิดว่ากลิ่นอายและสีของตัวละครจะต่างกันอย่างชัดเจนด้วยนิสัย คำพูดจา พื้นเพความเป็นอยู่ หรืออื่นๆ ค่ะ ซึ่งถ้าหากให้เปรียบเทียบแบบง่ายๆ ก็คือ ถ้า ‘ไอริช’ คือความอ่อนหวาน ‘ซินเธีย’ คือความเย้ายวน ‘ลิลิธ’ ก็คือความแข็งแกร่ง ถ้าหาก ‘คาร์เตอร์’ คือความอบอุ่น ‘คาริช’ คือความสุขุม ‘คารอน’ ก็คือความสนุกสนาน

‘la fleur d’edelweiss ลิลิธคารอน’ เป็นนิยายแนวไหน และมีเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?
      นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวโรแมนติกแฟนตาซี ที่พูดถึงเรื่องราวของ ‘ลิลิธ ควิ้นท์’ เควียร์โอเมก้าที่ถูกลอบยิงด้วยกระสุนอาบยาพิษ จนร่างกายที่เคยแข็งแรงและพละกำลังที่เคยมีเริ่มถดถอย แต่เพราะมีศัตรูมากมายรายล้อมอยู่รอบด้านทำให้ลิลิธพยายามรักษาร่างกายของตัวเองให้กลับมาหายดี แต่อุปสรรคอยู่ตรงที่ร่างกายของเควียร์โอเมก้านั้นแข็งแรงมากจนปฏิเสธยารักษาทางการแพทย์ทุกชนิด วิธีเดียวที่จะสามารถนำยาเข้าสู่ร่างกายได้คือการดมกลิ่น ซึ่งกลิ่นฟีโรโมนของ ‘คารอน’ คือสิ่งที่ร่างกายของลิลิธต้องการ และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนี้ค่ะ

 

 

ทำไมถึงเลือกใช้กลิ่นดอกเอเดลไวส์และกลิ่นดาร์กรัมเป็นกลิ่นประจำตัวของลิลิธกับคารอน?
      ความจริงเราเลือกกลิ่นประจำตัวของทุกตัวละครมาจากนิสัยและพื้นเพความเป็นอยู่ของพวกเขา บางทีเราก็หยิบเอาเอกลักษณ์หรือความหมายของดอกไม้หรือกลิ่นชนิดนั้นๆ มาใส่ในคาแรกเตอร์ด้วยเหมือนกัน เหตุผลที่เราเลือกดอกเอเดลไวส์มาเป็นกลิ่นประจำตัวของลิลิธเพราะว่าดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่บานอยู่บนยอดเขาหิมะ และเขาว่ากันว่าต่อให้ดอกเอเดลไวส์จะถูกเด็ดออกมาจากต้น แต่รูปร่างของดอกก็จะไม่เปลี่ยนแปลงหรือเหี่ยวเฉา ซึ่งเหมือนกันกับร่างกายของลิลิธที่สามารถรักษาตัวเองได้ อีกอย่างคือดอกเอเดลไวส์เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ความพยายาม และรักแท้ ซึ่งเราใช้ 3 คำนี้มาการเขียนลักษณะนิสัยของลิลิธ รวมถึงความสำคัญของคู่แห่งโชคชะตาที่เปรียบเสมือนรักแท้ด้วยค่ะ
      ส่วนกลิ่นประจำตัวของคารอนที่เราเลือกใช้กลิ่นดาร์กรัม เพราะเรารู้สึกว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่มีเสน่ห์ค่ะ มันชวนหลอมละลายแล้วก็แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์แบบลุ่มลึกด้วยเหมือนกัน พอลองจินตนาการแล้วมันดูส่งกันดีกับนิสัยของคารอนที่เป็นหนุ่มสังคมคารมดี มีเสน่ห์น่าเข้าหาค่ะ

เรื่องนี้เขียนยาก-ง่าย หรือท้าทายต่างจากเรื่องที่เคยเขียนก่อนหน้านี้อย่างไร?
      ส่วนที่ท้าทายมากที่สุดคิดว่าคงจะเป็นฉากบู๊ที่เป็นฉากคลายปมทั้งหมดของเรื่องค่ะ ซึ่งการเขียนฉากบู๊เป็นสิ่งที่เราไม่ถนัดเลย (หัวเราะ) แต่เพราะตัวละครหลักอย่างลิลิธเก่งการต่อสู้ แม่นปืน ดังนั้นเราจะไม่สามารถบรรยายฉากนี้แบบกว้างๆ ได้ เราอยากให้คนอ่านอินไปกับตัวละครและเชื่อว่าลิลิธเป็นคนที่เก่งในด้านนี้จริงๆ เราเลยใช้เวลากับฉากนี้มากพอสมควร เพื่อที่จะสามารถถ่ายทอดอารมณ์และท่าทางตัวละครออกมาให้คนอ่านเห็นภาพมากที่สุดค่ะ

‘นอดอ.’ ประทับใจส่วนไหนหรือฉากไหนของเรื่องที่สุด เพราะอะไร?
      สิ่งที่เราประทับใจมากที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของตัวละครค่ะ เราจะดีใจทุกครั้งที่มีนักอ่านบอกว่าลิลิธกับคารอนมีพัฒนาการทางความรู้สึกที่ชัดเจนมากๆ หากนับจากวันแรกที่สองตัวละครนี้เพิ่งเจอกัน จากคนที่แข็งทื่อในด้านความรัก เย็นชากับทุกคนบนโลก แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดใจให้กับคนคนหนึ่งจนได้ จากผู้ชายเจ้าชู้รักสนุกไม่จริงจังกับใคร แต่สุดท้ายกลับรักใครคนหนึ่งมากยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง
      เรารู้สึกว่าการเขียนความรู้สึกที่เป็นนามธรรมให้ออกมาชัดเจนแบบสัมผัสได้เป็นสิ่งค่อนข้างยาก และจุดนี้นับเป็นจุดอ่อนของเราที่อยากจะพัฒนามาโดยตลอด เราเลยจะชอบที่จะย้อนไปอ่านฉากที่ตัวละครสารภาพรักหรือฉากที่ตัวละครพูดเปิดใจให้อยู่กันบ่อยๆ ค่ะ

 

 

อยากบอกอะไรกับลิลิธ คารอน และพระเอก-นายเอกของอีกสองเรื่องก่อนไหม?
      ขอบคุณที่เติบโตขึ้นมาด้วยกัน จากวันแรกที่ไม่มีใครรู้จักวันนี้มีคนรู้จักและมีคนรักพวกนายมากขึ้นอีกเยอะมากเลยนะ ขอบคุณที่เป็นความทรงจำดี ๆ ได้ย้อนกลับไปคิดถึงก็ยังภูมิใจอยู่ทุกครั้งเลย หวังว่าจะมีความสุขเช่นกันนะ ♡

ฝากถึงนักอ่าน ทั้งที่ติดตามผลงานมาตลอดและที่ยังไม่เคยอ่านผลงานของ ‘นอดอ.’
      เราเริ่มเขียน ‘ไอริชคาร์เตอร์’ ตอนปี 2022 จนตอนนี้ก็เข้า 2024 แล้ว นับเป็นการรอคอยที่ยาวนานสำหรับนักอ่านที่ติดตามกันมาตั้งแต่ ‘ไอริชคาร์เตอร์’ ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันและให้การสนับสนุนอย่างดีเสมอมา ขอบคุณที่รัก ‘ไอริชคาร์เตอร์’ ‘ซินเธียคาริช’ และ ‘ลิลิธคารอน’ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ติ-ชม และทุกๆ กำลังใจที่ส่งเข้ามาจากหลายๆ ช่องทางเลย
      นิยายเซตนี้เป็นนิยายที่เราตั้งใจและทุ่มเทเป็นอย่างมาก เป็นนิยายรักโรแมนติกที่มีแต่คำว่า feel-good เต็มไปหมด สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านขอฝากนิยายทั้งสามเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ

ฝากผลงานและช่องทางการติดตาม
      สุดท้ายก่อนจะจากกันเราก็ขอฝากนิยายเรื่อง ‘la fleur d’edelweiss ลิลิธคารอน’ ไว้ด้วยนะคะ คนที่ชอบนิยายโอเมก้าเวิร์สนิยายรับรองว่านิยายเรื่องนี้น่าจะสร้างความสนุกให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน และนอกจากนั้นเรายังมีผลงานเรื่องอื่นๆ ออกมาให้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ สามารถติดตามผลงานใหม่และเข้ามาพูดคุยกันได้ที่
Twitter (X) แอกเคานต์ @nordorwriter
Facebook Fanpage https://www.facebook.com/nordorwriterr
หวังว่าเราจะได้พบกันใหม่ในนิยายเรื่องต่อไปค่ะ

 

 

ติดตามความสนุกใน la fleur d'edelweiss ลิลิธคารอน ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์สถาพรบุ๊คส์ www.satapornbooks.com หรือดาวน์โหลดอีบุ๊กได้ที่ Application : Satapornbooks,  MebNaiin AppHytextOokbeePinto E-BookSE-ED และ comico

ร่วมรีวิวหนังสือและพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ นักอ่านได้ที่แฮชแท็ก #ลิลิธคารอน

...

ผลงานนักเขียน